การพัฒนาสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการศึกษาภายใต้ยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
( พ.ศ. 2552 – 2561 การศึกษากับการพัฒนาสังคมเป็นกระแสหลักสำคัญที่สังคมโดยรวมต่างเฝ้าจับตามองในกระบวนทัศน์ของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในมิติต่างๆที่ส่งผลต่อการพัฒนา
ซึ่งภายใต้ยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สองในปัจจุบันได้มุ่งเน้นในมิติของการพัฒนา
4 มิติสำคัญ ได้แก่ 1.การปฏิรูปนักเรียนยุคใหม่ 2. การปฏิรูปครูยุคใหม่
3.การปฏิรูปโรงเรียนหรือแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่
4.การปฏิรูประบบบริหารจัดการยุคใหม่
ซึ่งในทุกมิตินั้นจะมีความสอดรับสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบเพื่อให้บรรลุผลของการปฏิรูปการศึกษาไทยในทศวรรษที่สอง
( พ.ศ. 2552 – 2561 )
สำหรับการปฏิรูปเพื่อพัฒนาคุณภาพครูยุคใหม่นั้น
ได้มีข้อเสนอแนะในเชิงยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษาหลากหลายแนวทางตามข้อเสนอของคณะกรรมการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการที่ได้เสนอแนะไว้ทั้งนี้เพื่อสร้างให้ครูยุคใหม่มีบทบาทในการเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
เป็นวิชาชีพที่มีคุณค่า มีระบบ
กระบวนการผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพมาตรฐานเหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง
สามารถดึงดูดคนเก่ง คนดี มีใจรักในวิชาชีพครูมาเป็นครู
คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างเพียงพอตามเกณฑ์และสามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ
มาตรฐาน และในขณะขณะเดียวกันสามารถพัฒนาตนเอง และแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง มีสภาวิชาชีพที่เข้มแข็ง
บริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
มีความมั่นคงในอาชีพ มีขวัญกำลังใจอยู่ได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม
การพัฒนาวิชาชีพครูภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคมในช่วงเวลานี้นับได้ว่าเป็นบทบาทและภารกิจสำคัญที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการพัฒนา
เพื่อก่อให้เกิดศักยภาพและประสิทธิภาพสูงสุดของศาสตร์แห่งวิชาชีพความเป็นครู
ทั้งนี้คงสืบเนื่องมาจากสภาพทางบริบทรอบด้านที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาโดยเฉพาะในด้านการจัดการศึกษาของยุคปฏิรูปในทศวรรษที่สองนี้เป็นอย่างมาก
ซึ่งมีดัชนีบ่งชี้ ( Indicators ) หลายประการที่บ่งบอกและสะท้อนผลให้ทราบทั้งที่เป็นภาพในเชิงบวกบวกและลบควบคู่กันไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลลัพธ์
( Output )ที่เกิดกับผลผลิตของกระบวนการจัดการศึกษาซึ่งก็หมายถึงผู้เรียนนั่นเองที่เป็นสิ่งบ่งบอกหรือเป็นสัญญาณของการสะท้อนภาพดังกล่าวออกมาสู่สังคมจากกระแสของการปฏิรูปการศึกษาของไทยในปัจจุบัน
ผลที่เกิดขึ้นย่อมเป็นการตอบโจทย์สำคัญที่สังคม โดยรวมต่างมุ่งเป้าหมายกลุ่มใหญ่ไปที่
“ครูอาจารย์” ในด้านประสิทธิภาพและศักยภาพของการจัดการเรียน การสอนให้กับผู้เรียน
โดยมิอาจหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธความรับผิดชอบเหล่านี้ได้
ดังนั้นมาตรการและแนวทางของการยกระดับการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของวิชาชีพแห่งความเป็นครูจึงถูกกำหนดขึ้นในหลากหลายกลยุทธ์เพื่อนำมาซึ่งความสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองในปัจจุบัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดสมรรถนะเชิงวิชาชีพในระดับต่างๆจะเป็นประเด็นสำคัญของการสร้างประสิทธิภาพในการพัฒนาศาสตร์แห่งความเป็นครูให้บรรลุผล
สอดรับกับสถานการณ์และบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
ทั้งนี้เพื่อสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ก้าวไปในสังคมแห่งการเรียนรู้ยุคใหม่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีบทความนี้ผู้เขียนขอน
าเสนอการพัฒนาสมรรถนะเชิงวิชาชีพแห่งความเป็นครู
ซึ่งเป็นข้อเสนอและแนวทางในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างมโนทัศน์พื้นฐาน ( Fundamental Concepts ) ต่อการพัฒนาวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้บรรลุผลความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปครูยุคใหม่ภายใต้กระแสทรรศน์ของการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองนี้
สมรรถนะวิชาชีพครู :
ความหมายและความสำคัญ
ในกระแสของการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
สังคม เทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารที่ไหลบ่าข้ามพรมแดนมาถึงกันอย่างรวดเร็ว
ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อการศึกษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้รูปแบบการเรียนรู้และวิธีแสวงหาความรู้มีการปรับเปลี่ยนไปจากระบบการศึกษาในรูปแบบดั้งเดิมที่มีครูเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้สู่นักเรียนฝ่ายเดียว
ไปสู่รูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองที่นักเรียนสามารถแสวงหาและสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองเพิ่มมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสิ่งท้าทายครูยุคใหม่ในการจัดองค์ความรู้ให้บังเกิดผลต่อการพัฒนาผู้เรียน
ดังนั้นครูจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานหรือกิจกรรมวิชาชีพครูได้อย่างมี ประสิทธิภาพตามความคาดหวังขององค์การทั้งระดับโรงเรียน
เขตพื้นที่การศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ มีการให้นิยามความหมายของคำว่า “สมรรถนะ (
Competency )” ไว้ว่า หมายถึง
พฤติกรรมที่เกิดจากความรู้ ( Knowledge ) ทักษะ ( Skill
) ความสามารถ ( Ability ) และคุณลักษณะส่วนบุคคล
( Other Characteristics ) ที่ทำให้บุคคลปฏิบัติงานได้สำเร็จและบรรลุผลสัมฤทธิ์ขององค์การ
หรืออาจกล่าวสรุปได้ว่า
สมรรถนะ
หมายถึงบุคลิกลักษณะที่ทำให้ปัจเจกบุคคลสามารถสร้างผลการปฏิบัติงานที่ดีตามเกณฑ์ที่กำหนด
และสามารถปฏิบัติงานในความรับผิดชอบได้ดีกว่าผู้อื่น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง
สมรรถนะหมายถึง พฤติกรรมการปฏิบัติงานซึ่งเป็นผลมาจากความรู้ ทักษะ
ความสามารถและพฤติกรรมอื่นๆที่ทำให้สามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมงานในองค์กร
ดังนั้นสมรรถนะครูจึงหมายถึง ความรู้ ทักษะ
ความสามารถและคุณลักษณะของครูที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในวิชาชีพครูให้บรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ
สมรรถนะครูจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงานวิชาชีพครูให้บรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการขององค์การทางการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษาในสภาพการณ์ทางการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านมาพบว่าการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพครูยังเป็นสิ่งที่ต้องมีการพัฒนาค่อนข้างมาก
กล่าวกันว่าการพัฒนาครูนั้นนอกจากจะพิจารณาบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงแล้วจะต้องมีการพัฒนาสมรรถนะครูด้วย
สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้ครูจำเป็นต้องพัฒนาตนเองให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้น
แต่การพัฒนาครูที่ผ่านมาประเทศไทยยังประสบปัญหาในด้านการพัฒนาครูบางประการจากผลการศึกษาวิจัยที่ยืนยันว่าการพัฒนาครูยังขาดการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพเพราะงบประมาณจำกัด
ไม่ตรงกับความต้องการของครู และขาดการติดตามประเมินผลการพัฒนา
และยังพบว่าการพัฒนาครูในปัจจุบันยังไม่มีเอกภาพด้านนโยบายและมาตรฐานที่ชัดเจน
แม้ว่าหน่วยงานต่างๆจะจัดโครงการพัฒนาครูเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังซ้ำซ้อน ไม่เป็นระบบ
ขาดประสิทธิภาพและขาดความต่อเนื่อง พบว่าส่วนใหญ่หน่วยงานกลางเป็นผู้จัด
วิธีการส่วนใหญ่ใช้การอบรม บรรยาย
ประชุมกลุ่มย่อยและสรุปความคิดเห็นต่อที่ประชุมใหญ่ อีกทั้งมีผู้เข้าประชุมค่อนข้างมาก
และที่สำคัญคือครูต้องละทิ้งการสอนเข้ามารับการอบรมจึงค่าใช้จ่ายสูงและไม่สามารถติดตามผลการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
ทำให้ไม่เห็นผลการนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
และไม่สามารถแก้ไขปัญหาของโรงเรียนได้ตรงประเด็นดังนั้นเพื่อเป็นการแสวงหามาตรการและแนวทางใหม่ในการพัฒนาครูที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับยุคสมัยของการปฏิรูปการศึกษา
ซึ่งจะทำให้ครูสามารถนำผู้เรียนไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ นำโรงเรียนไปสู่ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคม
แสวงหาแนวทางใหม่ในการพัฒนาครูที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับงบประมาณการลงทุนเพื่อมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการพัฒนาให้เป็นไปตามเป้าหมายของการปฏิรูปการศึกษาโดยต้องเริ่มต้นที่การพัฒนาครูเป็นประการสำคัญ
จากการกำหนดเป็นสมรรถนะเชิงวิชาชีพเป็นฐานการพัฒนา ( Competency-Based )
สมรรถนะวิชาชีพครูไทย :
การพัฒนาสู่สังคมยุคใหม่
การพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพของครูภายใต้สังคมแห่งยุคโลกาภิวัตน์หรือ
The Globalization นั้นได้มีการศึกษาวิจัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครูในหลายหน่วยงาน
ในที่นี้ขอน าเสนอบทสรุปการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้พัฒนาสมรรถนะและตัวบ่งชี้ของครูไทย
โดยแบ่งออกเป็นสมรรถนะหลัก ( Core Competency ) ประกอบด้วย 5 สมรรถนะ และสมรรถนะประจำสายงาน (
Functional Competency ) ประกอบด้วย 6 สมรรถนะ ดังนี้
สมรรถนะหลัก ( Core Competency ) ได้แก่
1). การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
2). การบริการที่ดี
3). การพัฒนาตนเอง
4). การท างานเป็นทีม
5). จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู
สมรรถนะที่ 1. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน ( Working
Achievement Motivation )หมายถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานในหน้าที่ให้มีคุณภาพ
ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยมีการวางแผน กำหนดเป้าหมาย
ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน และพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพและผลงานอย่างต่อเนื่อง
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1. ความสามารถในการวางแผน การกำหนดเป้าหมาย
การวิเคราะห์สังเคราะห์
ภารกิจงาน
ตัวบ่งชี้ที่ 2. ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีคุณภาพ
ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์
ตัวบ่งชี้ที่ 3. ความสามารถในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน
ตัวบ่งชี้ที่ 4. ความสามารถในการพัฒนาการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
สมรรถนะที่ 2. การบริการที่ดี ( Service Mind ) หมายถึงความตั้งใจและความเต็มใจในการ
ให้บริการ
และการปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของ
ผู้รับบริการ ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1. ความตั้งใจและเต็มใจในการให้บริการ
ตัวบ่งชี้ที่ 2. การปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพ
สมรรถนะที่ 3. การพัฒนาตนเอง ( Self Development ) หมายถึงการศึกษาค้นคว้าหาความรู้
ติดตามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ๆทางวิชาการและวิชาชีพ
มีการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม
เพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1. การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ติดตามองค์ความรู้ใหม่ๆทางวิชาการและวิชาชีพ
ตัวบ่งชี้ที่ 2. การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมในการพัฒนาองค์กรและวิชาชีพ
ตัวบ่งชี้ที่ 3. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่าย
สมรรถนะที่ 4. การท างานเป็นทีม ( Team Work ) หมายถึงการให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ
สนับสนุน เสริมแรงให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงาน
การปรับตัวเข้ากับผู้อื่นหรือทีมงาน แสดงบทบาทของการเป็น
ผู้นำหรือผู้ตามได้อย่างเหมาะสมในการท
างานร่วมกับผู้อื่น เพื่อสร้างและดำรงสัมพันธภาพของสมาชิกตลอดจน
เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1. การให้ความร่วมมือช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อนร่วมงาน
ตัวบ่งชี้ที่ 2. การเสริมแรงให้กำลังใจเพื่อร่วมงาน
ตัวบ่งชี้ที่ 3. การปรับตัวเข้ากับกลุ่มคนหรือสถานการณ์ที่หลากหลาย
ตัวบ่งชี้ที่ 4. การแสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตาม
ตัวบ่งชี้ที่ 5. การเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้อื่นในการพัฒนาการจัดการศึกษาให้บรรลุผลสำเร็จ
ตามเป้าหมาย
สมรรถนะที่ 5. จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู ( Teacher’s
Ethics and Integrity )
หมายถึงการประพฤติปฏิบัติตนถูกต้องตามหลักคุณธรรม
จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพครู เป็นแบบอย่างทีดี
แก่ผู้เรียนและสังคม เพื่อสร้างความศรัทธาในวิชาชีพครู
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1. ความรักและศรัทธาในวิชาชีพ
ตัวบ่งชี้ที่ 2. มีวินัยและความรับผิดชอบต่อวิชาชีพ
ตัวบ่งชี้ที่ 3. การดำรงชีวิตที่เหมาะสม
สมรรถนะประจำสายงาน ( Functional Competency ) ประกอบด้วย 6 สมรรถนะคือ
1). การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
2). การพัฒนาผู้เรียน
3). การบริหารจัดการชั้นเรียน
4). การวิเคราะห์
สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
5). ภาวะผู้นำครู
6). การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน
สมรรถนะที่ 1. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ( Curriculum
and Learning Management ) หมายถึงความสามารถในการสร้างและพัฒนาหลักสูตร
การออกแบบการเรียนรู้อย่างสอดคล้องและเป็นระบบ จัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ใช้และพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยี และการวัดประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1.
การสร้างและพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหลักสูตร
แกนกลางและท้องถิ่น
ตัวบ่งชี้ที่ 2.
ความรู้ความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้
ตัวบ่งชี้ที่ 3. การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ตัวบ่งชี้ที่ 4.
การใช้และพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรียนรู้
ตัวบ่งชี้ที่ 5.
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
สมรรถนะที่ 2. การพัฒนาผู้เรียน ( Student Development ) หมายถึงความสามารถในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม
การพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพกายและสุขภาพจิต ความเป็นประชาธิปไตย
ความภูมิใจในความเป็นไทย
การจัดระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังต่อไปนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1.
การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับผู้เรียน
ตัวบ่งชี้ที่ 2.
การพัฒนาทักษะชีวิตและสุขภาพกาย สุขภาพจิตผู้เรียน
ตัวบ่งชี้ที่ 3.
การปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย ความภูมิใจในความเป็นไทยให้แก่ผู้เรียน
ตัวบ่งชี้ที่ 4.
การจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
สมรรถนะที่ 3.
การบริหารจัดการชั้นเรียน ( Classroom
Management ) หมายถึง การจัดบรรยากาศการเรียนรู้ การจัดทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำชั้นเรียน/ประจำวิชา
การกำกับดูแลชั้นเรียน/รายวิชา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุข
และความปลอดภัยของผู้เรียน ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1.
จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ความสุขและความปลอดภัยของผู้เรียน
ตัวบ่งชี้ที่ 2. จัดทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำชั้นเรียน/ประจำวิชา
ตัวบ่งชี้ที่ 3. กำกับดูแลชั้นเรียนรายชั้น
/ รายวิชา
สมรรถนะที่ 4. การวิเคราะห์
สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน ( Analysis &
Synthesis & Classroom Research ) หมายถึง ความสามารถในการทำความเข้าใจ
แยกประเด็นเป็นส่วนย่อย รวบรวม ประมวลหาข้อสรุปอย่างเป็นระบบและนำไปใช้ในการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
รวมทั้งสามารถวิเคราะห์องค์กรหรืองานในภาพรวมและดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อพัฒนางานอย่างเป็นระบบ
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังต่อไปนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1.
การวิเคราะห์รายการพฤติกรรม
ตัวบ่งชี้ที่ 2.
การสังเคราะห์รายการพฤติกรรม
ตัวบ่งชี้ที่ 3.
การวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
สมรรถนะที่ 5. ภาวะผู้นำครู ( Teacher Leadership ) หมายถึงคุณลักษณะและพฤติกรรมของครูที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ส่วนบุคคล
และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนโดยปราศจากการใช้อิทธิพลของผู้บริหารสถานศึกษา
ก่อให้เกิดพลังแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ
ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังต่อไปนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1.
วุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ที่เหมาะสมกับความเป็นครู ( Adult Development )
ตัวบ่งชี้ที่ 2.
การสนทนาอย่างสร้างสรรค์ ( Dialogue )
ตัวบ่งชี้ที่ 3.
การเป็นบุคคลแห่งการเปลี่ยนแปลง ( Change Agency )
ตัวบ่งชี้ที่ 4.
การปฏิบัติงานอย่างไตร่ตรอง ( Reflective
Practice )
ตัวบ่งชี้ที่ 5.
การมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน ( Concern for
Improving Pupil Achievement )
สมรรถนะที่ 6.
การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้ ( Relationship & Collaborative-Building for Learning Management )
หมายถึง การประสานความร่วมมือ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างเครือข่ายกับผู้ปกครอง
ชุมชนและองค์กรอื่นๆทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ดังนี้
ตัวบ่งชี้ที่ 1.
การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อจัดการเรียนรู้
ตัวบ่งชี้ที่ 2. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้
กล่าวโดยรวมว่าสมรรถนะหลัก ( Core Competency ) 5 สมรรถนะ และสมรรถนะประจำสายงาน ( Functional
Competency ) 6 สมรรถนะที่กล่าวมานั้น เป็นปัจจัยสำคัญของการนำไปกำหนดเป็นกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างศักยภาพวิชาชีพครูที่สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบท
( Context ) และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในปัจจุบัน
เป็นไปตามเป้าหมายในการพัฒนาครูยุคใหม่ภายใต้ยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองที่ได้กำหนดไว้เป็นวาระสำคัญในวงการศึกษาไทยแนวคิดในการสร้างสมรรถนะเชิงวิชาชีพของครูไทยยุคใหม่นั้น
ขอน าเสนอตัวแบบแนวคิดของภาคเอกชนที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้าง Competency
ดังกล่าว ทั้งนี้โดยองค์กรมีการกำหนดเป็นวิสัยทัศน์ ( Vision
) และภารกิจ ( Mission ) ขององค์กรเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การทำงาน
( Strategies )ที่จะนำไปสู่การสร้างคุณค่า ( Value ) และวัฒนธรรมองค์กร( Culture )ให้บังเกิดขึ้น
ภายใต้กระบวนงานตามสมรรถนะหลัก ( Core Competency ) และสมรรถนะประจำสายงาน
( Functional Competency ) ที่กำหนดไว้ตัวแบบ ( Model
) ของการสร้างสมรรถนะวิชาชีพครูที่มีประสิทธิภาพดังที่กล่าวในเบื้องต้นนั้น
อาจสรุปให้เห็นดังภาพต่อไปนี้
การพัฒนาสมรรถนะทางวิชาชีพมุ่งสู่การปฏิรูปหลักสูตรใหม่ภายใต้ยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง
( พ.ศ. 2552-2561 ) นั้น “หลักสูตร”จะเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่การพัฒนาการเรียนรู้
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูป 4
ประเด็นหลักของการจัดการศึกษานอกจากจะมุ่งหวังให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในปี
2561 แล้ว ยังมีประเด็นสำคัญอีกหลายประเด็นที่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของคนในชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสังคมให้มีความพร้อมต่อการก้าวสู่ความเป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่เรียกว่า
ASEAN Community ปัจจัยสำคัญหนึ่งของการสร้างความพร้อมให้กับทรัพยากรบุคคลก็คือการให้การศึกษาที่มีคุณภาพภายใต้การใช้หลักสูตร
( Curriculum ) ในการจัดการเรียนรู้นั่นเอง
ดังนั้นหลักสูตรจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งที่จะสร้างทรัพยากรบุคคลให้ก้าวไปในเวทีโลกและในสังคม
ASEAN ได้อย่างเหมาะสมและมีศักดิ์ศรีในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
( Basic Education Curriculum ) ซึ่งเป็นหลักสูตรแกนกลางที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานก็เช่นเดียวกัน
ได้มีกระแสการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน
ซึ่งก็มีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์กรณีการปรับแก้รื้อถอนเพื่อสร้างหลักสูตรขั้นพื้นฐานขึ้นมาใหม่จากหลากหลายทรรศนะมุมมองที่แตกต่างกันไป